1.เราควรที่จะเลือกรองเท้าวิ่งให้เหมาะกับสภาพพื้นที่เราจะออกไปวิ่งออกกำลังกาย
ในการวิ่งออกกำลังกายนั้นสภาพพื้นของสถานที่จะแตกต่างกันออกไปเช่นเดียวกับรองเท้าที่มีการออกแบบมาให้เหมาะกับแต่ล่ะพื้นที่ เรารองมาดูว่ามีพื้นแบบไหนกันบ้างเลยดีกว่าครับ
-พื้นแบบ Road/Indoor
ควรใช่รองเท้าแบบพื้นเรียบ ไม่มีปุ่มอะไรมากมายเพื่อให้สะดวกต่อการวิ่ง
-พื้นแบบ Trail
ควนใช่รองเท้าที่มีปุ่มนิดหน่อยเพื่อป้องกันการลื่นในการวิ่งบนพื้นหญ้าหรือพื้นที่เป็นดินซึ่งพื้นของการวิ่งอาจไม่เรียบแบบพื้นของ Road/Indoor
2.เลือกรองเท้าให้เหมาะกับระยะทางการวิ่ง สั้น/ยาว ซึ่งมีวิธีการเลือกที่แตกต่างกัน
-ระยะสั้น
ควรเลือกรองเท้าที่มีพื้นไม่สูงมากนักตามรูปด้านล่างและเพื่อประคองข้อเท้าและควบคุมจังหวะการวิ่งทางเลี้ยวหรือทางโค้งเพื่อให้เท้าอยู่ในรูปทรงที่ถูกต้อง
-ระยะยาว
ควรเลือกรองเท้าที่ออกแบบมาให้กระชับกับข้อเท้าของเราและรองรับน้ำหนักในการกดทับซ้ำๆ ติดต่อกันเพื่อคอยพยุงและเซฟข้อเท้าของเราเอง
3.ต้องเตรียมถุงเท้าที่จะใช่วิ่งจริงไปด้วย
เพราะจริงแล้วถุงเท้ามีหลายแบบมากไม่ว่าจะข้อสั้นหรือยาวเพราะถุงเท่าจะช่วยลดการเสียดสีของเท้ากับรองเท้าของเราขณะวิ่งออกกำลังกายและยังช่วยป้องกันการบาดเจ็บที่อาจเกิดขึ้นจากการวิ่งได้ด้วย
-ตัวอย่างถุงเท้าสำหรับวิ่งระยะทางไกล
4.ควรรู้ลักษณะของเท้าเราขณะวิ่งออกกำลังกาย
การเคลื่อนที่ของเท้าเราขณะวิ่งนั้นหรือที่เรียกว่า Pronation แบ่งออกเป็น 4 แบบ
-Underpronation เป็นลักษณะการวิ่งแบบทิ้งน้ำหนักไล่จากบริเวณส้นเท้าผ่านส้นเท้าด้านนอกไปจนถึงปลายเท้า
-Neutralpronation เป็นลักษณะการวิ่งที่ทิ้งน้ำหนักไล่จากส้นเท้าผ่านผ่าเท้าไปยังปลายเท้า
-Overpronation เป็นลักษณะของการวิ่งแบบทิ้งน้ำหนักไล่จากส้นเท้าผ่านส้นเท้าด้านในผ่านไปยังปลายเท้า

-Severepronation เป็นลักษณะการวิ่งเช่นเดียวกับแบบ Overpronation แต่การวิ่งจะลงน้ำหนักเพื่อเร่งความเร็วและผ่อนน้ำหนักลงเป็นจังหวะสั้นๆ การวิ่งในลักษณะนี้จะได้รับแรงกระแทกมากกว่าแบบ Overpronation
ขอบคุณรูปจาก http://www.ohlor.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น